SME กล้าเปลี่ยน ขนมไทยเก้าพี่น้อง เส้นทางธุรกิจที่ไม่ได้หวานชื่นเหมือนรสชาติ

21 ก.ค. 2566

SME Inspiration

พบกับคุณกรกมล ลีลาธีรภัทร ประธานกรรมการ บริษัท ขนมไทยเก้าพี่น้อง จำกัด กับเส้นทางธุรกิจขนมไทยที่ไม่ได้หวานชื่นเหมือนรสชาติ อะไรคือจุดเปลี่ยนจุดเปลี่ยนให้ขนมไทยเก้าพี่น้องเติบโตแบบก้าวกระโดด อะไรคือเคล็ดลับที่ทำให้คุณกรกมลพาขนมไทยเก้าพี่น้องประสบความสำเร็จในเส้นทางธุรกิจได้
 

 

“อดทน อดกลั้น เป้าหมายชัดเจน และต้องไม่ท้อ” คุณกรกมล ลีลาธีรภัทร ประธานกรรมการ บริษัท ขนมไทยเก้าพี่น้อง จำกัด
 

 

จากร้านขนมไทยสู่ธุรกิจในรูปแบบบริษัทเก้าพี่น้อง

ขนมไทยเก้าพี่น้อง เริ่มต้นกิจการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2521 ช่วงนั้นคุณแม่เป็นหัวเรือใหญ่ในการทำขนมไทย โดยมีลูกๆ เป็นลูกมือช่วยในการทำขนม โดยขนมไทยที่ทำขายในช่วงนั้นหลักๆ จะมี ข้าวต้มมัด ข้าวเหนียวมูนหน้าต่างๆ และที่เป็นนางเอกเลยก็คือ ขนมเทียน ซึ่งมียอดขายดีมาก วันหนึ่งทำ 2 หมื่นชิ้น ขายหมดเกลี้ยงภายใน 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นกิจการค่อยๆ เติบโตขึ้นตามลำดับ จนถึงจุดที่มองว่าถึงเวลาที่ควรเติบโตอย่างมีระบบ จึงได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทขนมไทยเก้าพี่น้อง ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2540 เป็นต้นมา โดยชื่อของบริษัทนั้นคุณพ่อเป็นคนตั้งให้ โดยมีที่มาจากจำนวนลูกๆ ของคุณพ่อ ซึ่งที่มีทั้งหมด 9 คน จึงเป็นที่มาของชื่อขนมไทยเก้าพี่น้อง

 

ขนมไทยที่อยู่ในใจของลูกค้า

ในช่วงแรกมีขนมไทยขายไม่กี่ชนิด หลังจากนั้นจึงมีการเพิ่มจำนวนเมนูขนมขึ้นและหลากหลายมากขึ้นจนถึงปัจจุบันนี้ประมาณ 140 ชนิด โดยเมนูที่เพิ่มขึ้นมาส่วนใหญ่เพิ่มจากความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก เพราะขนมไทยเองนอกจากจะไว้รับประทานแล้ว ขนมไทยยังเป็นอะไรที่คู่เกี่ยวข้องด้านวัฒนธรรมไทยมากมาย กิจกรรมทางวัฒนธรรมที่ต่างกันก็จะมีการใช้ขนมที่แตกต่างกันตามประเภทหรือวัตถุประสงค์ของงาน ไม่ว่าจะเป็นการทำบุญขึ้นบ้านใหม่ เทศกาลงานบุญ งานบวช รวมถึงเทศกาลอื่นๆ ทำให้ขนมไทยเก้าพี่น้องสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เป็นร้านขนมที่เข้าไปอยู่ในใจลูกค้า ทำและมียอดขายที่ค่อนข้างสม่ำเสมอตลอดทั้งปีไม่ว่าช่วงเทศกาลใดก็ตาม

 

แผนธุรกิจที่เป็นขั้นเป็นตอน

ขนมไทยเก้าพี่น้องเติบโตอย่างเป็นขั้นเป็นตอนมีการวางแผนธุรกิจไว้ตั้งแต่แรก

  • บันไดขั้นที่ 1 เริ่มจากการสร้างฐานลูกค้า เริ่มจากที่ตลาด อ.ต.ก. นับเป็นการสร้างฐานลูกค้าที่สำคัญมากธุรกิจเริ่มมีชื่อเสียงจากตรงนั้น

  • บันไดขั้นที่ 2 นำสินค้าเราเข้าไปสู่ในโรงแรม ขั้นนี้นับว่ายากมาก ในเรื่องของการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าซึ่งก็คือโรงแรม สินค้าจะต้องดีมีมาตรฐาน บริการต้องดีด้วย โดยเริ่มต้นจากโรงแรม เพียงแค่ 2-3 แห่ง ณ วันนี้มีลูกค้าเพิ่มขึ้นในมือของเรามากกว่า 100 กว่าราย

  • บันไดขั้นที่ 3 เติบโตด้วยการส่งออก ขั้นนี้ทำให้ธุรกิจของเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก ทั้งในแง่ของรายได้และการปรับตัวในการพัฒนาระบบ รวมถึงตัวผลิตภัณฑ์ ตัวอย่างเช่น ขนมไทยเก้าพี่น้องเองมีการส่งสินค้าออกไปที่แถบตะวันออกกลาง ต้องมีการทำระบบด้วย คือ การทำฮาลาล ซึ่งเป็นผลดีมากๆ เป็นการเพิ่มฐานการผลิต แล้วก็เพิ่มระบบ เพิ่มมาตรฐาน เพิ่มโอกาสการเติบโตได้อีกเยอะ

 

ช่องทางการขายที่แข็งแกร่ง

ขนมไทยเก้าพี่น้องมีช่องทางการขายหลักแบ่งออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน

  • ส่วนแรกประมาณ 40% จะเป็นช่องทางการขายปลีก คิดเป็นสัดส่วนรายได้ประมาณ 40%
    มีสาขาทั้งหมดจำนวน 7 สาขา ประกอบไปด้วยรูปแบบ stand alone จำนวน 2 สาขา ได้แก่ สาขาตลาด อ.ต.ก. สาขาทาวน์อินทาวน์ และสาขาในศูนย์การค้าอีก 5 สาขา ได้แก่ สาขาฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต สาขาเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน สาขาเอ็มโพเรียม สาขาเอ็มควอเทียร์ และสาขาสยามพารากอน นอกจากนี้ยังเปิดจำหน่ายขนมไทยผ่านช่องทางออนไลน์ที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นช่องทาง website Facebook และ Instagram ต่างๆ หรือทางแพลตฟอร์มเดลิเวอรีทั้ง Line Man และ Grab

  • ส่วนที่ 2 จะเป็นช่องทางการรับจัดเลี้ยงและผลิตขนมหวานให้กับคู่ค้าทางธุรกิจต่างๆ คิดเป็นสัดส่วนรายได้ประมาณ 40%
    นอจากจะมีการค้าปลีกแล้วขนมไทยเก้าพี่น้องเองยังรับจัดเลี้ยงนอกสถานที่ในงานเทศกาลหรือโอกาสสำคัญ ให้ลูกค้าที่ต้องการ รวมถึงการผลิตขนมหวานส่งให้แก่คู่ค้าทางธุรกิจร้านอาหารหรือธุรกิจบริการต่างๆ เช่น ร้านอาหาร โรงแรมทั และไมเนอร์สายการบิน

  • และส่วนสุดท้ายส่วนที่ 3 จะเป็นส่วนของการส่งออก คิดเป็นสัดส่วนรายได้ประมาณ 20%
    โดยมีการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ ได้แก่ ประเทศออสเตรเลีย ประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศจีน

 

เส้นทางธุรกิจขนมไทยที่ไม่ได้หวานชื่นเหมือนรสชาติ

ในปีพ.ศ. 2563 เป็นปีที่วิกฤตของขนมไทยเก้าพี่น้องเรียกว่าเกือบจะต้องปิดกิจการ ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของขนมไทยเก้าพี่น้องที่สำคัญ ในตอนนั้นธุรกิจกำลังไปได้ดี ยอดขายดี ต้องผลิตขนมหวานตลอด 24 ชั่วโมง และในช่วงนั้นเองมีการเข้ามาตรวจโรงงาน แล้วพบว่าพื้นที่โรงงานอยู่ในแหล่งชุมชน แรงม้าเกิน กำลังคนเกิน เจ้าหน้าที่แจ้งว่าต้องเปลี่ยนโรงงานที่ผลิตใหม่ ตรงนี้ถือว่าผิดกฎหมาย จึงเริ่มมองหาที่ดินผืนใหม่เพื่อสร้างโรงงานใหม่ โดยโรงงานใหม่นี้มีขนาดที่ใหญ่กว่าเดิมตั้งอยู่บนที่ดินประมาณ 40 กว่าไร่ ตรงนี้จึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนให้เรากลับมาเติบโตมากกว่าเดิม ทำให้มีระบบ มีวิธีการทำงาน ได้ขอกฎข้อบังคับ หรือใบอนุญาตต่างๆ อย่างถูกต้องตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

 

ไทยเครดิต STANDBY

ปี 2564 เป็นปีที่เราภูมิใจมาก เราสร้างโรงงานเสร็จ มันเป็นอะไรที่เราดีใจ แต่แล้วเราก็ต้องมาเจอวิกฤตอีกรอบหนึ่ง ณ วันนั้นเราเอาเงินทั้งหมดไปทุ่มในการสร้างโรงงานหมดแล้ว เราลืมนึกไปว่ามันต้องมีเงินทุนหมุนเวียน มันต้องมีวัตถุดิบเข้ามาในการผลิต ณ วันนั้นบอกกับลูกว่าเราจะรอดหรือเปล่า และคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยในขณะที่เราจะจมน้ำก็คือ ไทยเครดิต ไทยเครดิตเข้ามาช่วงนั้นพอดี ช่วงที่เราเจอวิกฤต เข้ามาช่วยเหลือเรื่องเงินทุนหมุนเวียนให้เรา สิ่งที่สำคัญตอนที่เข้ามานั้น ต้องบอกเลยว่าเรื่องเวลาสำคัญ ไทยเครดิตทำรวดเร็วมาก ภายในไม่ถึง 1 เดือน เราสามารถทำธุรกิจเราต่อไปได้ ต้องบอกว่าขอบคุณมากๆ เรารู้สึกเลยว่าเราได้มิตรที่ดี ได้พันธมิตรที่ดี ณ วันนี้เหมือนเราจะกลายเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน โทรเข้ามาถามไถ่ มาเยี่ยมเยียน มาดูแลเราว่าเราเป็นอย่างไร และ ณ วันนี้ต้องบอกเลยว่าดิฉันผ่านธุรกิจนี้มา 40 กว่าปี ถามว่าภูมิใจกับธุรกิจไหม ภูมิใจ ภูมิใจกับสิ่งรอบด้านที่เกิดขึ้น ภูมิใจเหตุการณ์ต่างๆ ดิฉันเดินมาถึงจุดนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องฝ่าฟันอะไรมาเยอะแยะ อดทน อดกลั้น ที่สำคัญเป้าหมายต้องชัดเจน และสิ่งสุดท้ายคือ ต้องไม่ท้อค่ะ

สาระ SME น่ารู้ที่เกี่ยวข้อง