SME กล้าเปลี่ยน มารีไทม์ ซินเนอร์จี “กล้าเปลี่ยน เพื่อสร้างโอกาสใหม่”

19 พ.ค. 2566

SME Inspiration

พบกับคุณพิรพงศ์ โห้แจ่ม ผู้ก่อตั้งบริษัท มารีไทม์ ซินเนอร์จี (ประเทศไทย) กัปตันเรือขนส่งสินค้าที่มีความฝันที่จะก่อตั้งบริษัทขนส่งสินค้า Project Cargo ของคนไทย ยอมทิ้งเงินเดือนกว่า 4 แสน ออกมาทำงานท่าเรือเงินเดือน 4 หมื่น และงานโลจิสติกส์เพื่อเก็บเกี่ยวความรู้สานฝันธุรกิจขนส่งของตนเองให้เป็นจริง

 

ไล่ตามความฝัน ต้องกล้าเปลี่ยน

ผมสำเร็จการศึกษาจากศูนย์ฝึกพาณิชย์นาวีตอนอายุ 21 ปี เริ่มเป็นกัปตันเรือขนส่งสินค้าตอนอายุ 26 ปี ผมทำงานตำแหน่งกัปตันอยู่หลายปี และเริ่มมีความคิดอยากทำธุรกิจขนส่งของตัวเอง เพราะมองว่าธุรกิจขนส่งสินค้า Project Cargo หรือสินค้าที่มีขนาดใหญ่ มีแต่บริษัทต่างชาติ จึงมีความคิดที่จะเปิดบริษัทขนส่งขึ้นมาเมื่อมีเป้าหมายที่ชัดเจน ผมตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งกัปตันเรือขนส่งสินค้า ทิ้งเงินเดือนมากกว่า 4 แสน  ออกมาทำงานท่าเรือเงินเดือน 4 หมื่น หลังจากทำงานท่าเรือชั้นนำต่างๆ แล้ว ผมได้ออกมาเรียนรู้กับบริษัทโลจิสติกส์ชั้นนำ เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เป้าหมายเพื่อทำธุรกิจขนส่งของตัวเอง และออกมาเปิดบริษัท มารีไทม์ ซินเนอร์จี ในปี 2553

 

มารีไทม์ทำธุรกิจเกี่ยวกับขนส่งสินค้าครอบคลุมทุกประเภท ทั้งทางรถ ทางเรือ และทางอากาศ แบบโลจิสติกส์ครบวงจร เราให้บริการขนส่งสินค้า ทั้งในและต่างประเทศทั่วโลก ให้บริการพิธีการศุลกากร งานสินค้าผ่านแดน และบริการรับฝากสินค้า งานขนส่งสินค้าของมารีไทม์แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ งานขนส่งสินค้าทั่วไป หรือสินค้าที่มีขนาดเล็ก งานขนส่งสินค้าประเภทคอนเทนเนอร์ และงานสินค้าโครงการที่มีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมาก

 

มารีไทม์บริษัทไทยไประดับโลก

ปัจจุบันมารีไทม์มีสาขาที่ประเทศลาวและตั้งเป้าที่จะเปิดที่เวียดนามและกัมพูชา เรามีโอกาสได้ร่วมงานกับบริษัทชั้นนำระดับโลกหลายบริษัท เช่น ฮุนได ซัมซุง เอบีบี เป๊ปซี่โค และอีกหลากหลายประเทศ ส่วนในประเทศไทยได้มีโอกาสทำงานร่วมกับกลุ่มบริษัท ปตท. SCG อิตาเลียนไทย ช.การช่าง เรามีโอกาสได้ทำงานโครงการใหญ่ เช่น โครงการรถไฟฟ้าใต้ดิน โครงการแอร์พอร์ตลิงก์ โครงการสนามบินสุวรรณภูมิ โครงการรถไฟจีน-ลาว โครงการสร้างเขื่อน และโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าที่ประเทศไทยและประเทศลาว โดยมารีไทม์ได้วาง Position ตั้งแต่แรกให้เป็นบริษัทอันดับหนึ่งของคนไทยที่มีความเชี่ยวชาญในการขนส่งสินค้าโครงการขนาดใหญ่ และมีความเป็นเลิศในการขนส่งสินค้าครบวงจร ทำให้เราเติบโตอย่างก้าวกระโดดมาตลอดช่วง 2 ปีแรก จากยอดขาย 15 ล้าน มาเป็น 50 ล้าน 70 ล้าน และปีล่าสุด 180 ล้านบาท ถือเป็นสถิติใหม่ที่เราทำยอดการขนส่งได้ถึง 3.2 ล้านตันต่อปี และในปีนี้บริษัทตั้งเป้าการขนส่งไว้ 4 ล้านตันต่อปี 

 

ผลงานที่ได้รับการยอมรับ

ผลงานไฮไลต์ของมารีไทม์จะมี 2 ลักษณะ คือ งานสินค้าที่มีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมาก เช่น เครื่องจักรอุตสาหกรรม เครื่องผลิตกระแสไฟฟ้า และงานสินค้าที่มีมูลค่าสูง เช่น เรือยอร์ช เครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ มีงานหนึ่งที่รู้สึกประทับใจและท้าทาย คือ การขนส่งม้วนสายเคเบิลใต้น้ำที่มีขนาดความสูง 9 เมตร ยาว 6 เมตร น้ำหนัก 260 ตัน ความยากของงานนี้คือ ความสูงของสินค้า เพราะยิ่งสูงมาก ความเสี่ยงที่จะล้มก็มีมาก จึงต้องมีการออกแบบ Simulation จำลองการขนส่ง และปัญหาเรื่องเส้นทางที่ลาดชัน ขึ้นเขาลงเขา และอุปสรรคจากสิ่งปลูกสร้าง เช่น สะพานลอย จะต้องยกขึ้น สายไฟฟ้า สายสื่อสาร จะต้องตัดหรือค้ำให้สูงขึ้น และสุดท้ายปัญหาของพื้นที่วางสินค้ามีจำกัด จึงต้องสั่งเครนชนิดพิเศษมาจากประเทศสิงคโปร์เพื่อยกงานนี้โดยเฉพาะ งานนี้ทำให้บริษัทมารีไทม์ได้รับรางวัล Best Practice Award จากสมาคม WCA World Alliance เพราะเป็นสินค้า Case Study ที่มารีไทม์สามารถแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้

 

ความจริงใจเป็นสิ่งสำคัญ

ปัญหาของการทำธุรกิจ หลักๆ จะเป็นค่าเงินที่ผันผวน ทำให้คาดการณ์ต้นทุนได้ยาก และราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งในการทำธุรกิจจะเอากำไรอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องกล้าที่จะเสียด้วย เพื่อให้ได้มาซึ่งความไว้วางใจของลูกค้าที่มีต่อบริษัทในอนาคต สำหรับธุรกิจ SME ผมเชื่อว่าผู้ประกอบการทุกคนมีความกังวล มีความท้อแท้ในอดีตที่ผ่านมา สถานการณ์ตอนนี้กลับมาดีขึ้นแล้ว ผมอยากให้กำลังใจทุกคนกลับมาต่อสู้กันใหม่ อย่าท้อถอย ผมพร้อมเป็นกำลังใจให้กับผู้ประกอบการ SME ครับ

 

ไทยเครดิต Standby

การทำงานขนส่งจำเป็นที่จะต้องใช้เงินสดหมุนเวียนจำนวนมาก บริษัทมารีไทม์เองก็มีความต้องการสินเชื่อเพื่อที่จะต่อยอดธุรกิจ ธนาคารไทยเครดิตเข้ามาช่วยให้เงินทุนในการต่อยอดธุรกิจ ให้คำปรึกษา ดูแลจนได้รับการอนุมัติเงินทุน มีความจริงใจของพนักงานและธนาคารที่อยู่เคียงข้างบริษัทมารีไทม์มาโดยตลอด

สาระ SME น่ารู้ที่เกี่ยวข้อง