18 ก.ย. 2568
SME Inspiration
จากจุดเริ่มต้น ในฐานะผู้ผลิตชาสรมุนไพเจ้าเล็กวันนี้ “เรนอง” ได้ก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์ชาชงที่ส่งออกไปกว่า 50 ประเทศทั่วโลก เบื้องหลังความสำเร็จนี้ คือการมองไกลและวิสัยทัศน์ของ คุณศุภชัย ชัยวัฒนเมธิน Ceo และ Co-Founder บริษัท ชาเขียว จำกัด ที่ใช้กลยุทธ์เรียบง่ายแต่ทรงพลัง “Taste the way you are” การฟังเสียงลูกค้าและปรับรสชาติให้เข้ากับความต้องการของแต่ละตลาด โดยไม่ทิ้งเอกลักษณ์ความเป็นไทย
เริ่มต้นจากทางคุณแม่ ท่านเป็นเภสัชกรแผนไทย
แล้วก็เริ่มต้นธุรกิจด้วยการทำชาสมุนไพร เมื่อปี 1985 แล้วเราก็ค่อยๆ พัฒนาจากชาสมุนไพร เริ่มมาเป็นชาใบหม่อน เป็นกึ่งสมุนไพร กึ่งเครื่องดื่ม แรกๆ ที่เริ่มต้นธุรกิจก็อุปสรรคเยอะมาก เพราะว่ามันเป็นธุรกิจครอบครัวขนาดเล็ก แล้วก็ทรัพยากรเรื่องของบุคคล เรื่องของการเงิน หรือเรื่องของการทำระบบต่างๆ มันก็ไม่มี ก็เริ่มต้นจากการลองผิด ลองถูก ล้มลุก คลุกคลาน แล้วก็ผ่านวิกฤตต่างๆ ช่วงหลังทางคุณแม่ก็ได้มอบหมายให้ผมเข้ามาดูแลตรงนี้
เราก็เริ่มมีทีมงานเข้ามา มีเรื่องของการทำระบบ เรื่องของการจัดการคน บัญชี การเงิน แล้วก็ระบบการผลิตที่เป็นมาตรฐานสากล เราเปลี่ยนจากการขายในประเทศอย่างเดียว ขายตามตลาดต่างจังหวัด ขายตามงานออกบูธ เริ่มเข้ามาสู่ห้างสรรพสินค้า จนปัจจุบันเราพูดได้ว่าเราเป็นผู้ส่งออก อันนี้เป็นสิ่งที่บริษัทเอง เริ่มพัฒนาขึ้นมามาเรื่อยๆ
เรากำหนดจุดยืนสินค้าหรือแบรนด์ของเรา เป็นแบรนด์ที่ต้องการให้ผู้บริโภคเข้าใจ เกี่ยวกับเรื่องคุณภาพของสินค้าแล้วก็ความพรีเมียม ทําอย่างไรให้มันดีที่สุด ของสิ่งที่ดีที่สุด เท่าที่เราสามารถทําได้ ปรัชญาการทำงานของเรา เราไม่ได้เน้นว่าจะต้องควบคุมต้นทุนให้ถูกที่สุด แต่เราเน้นสิ่งที่ผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์สูงสุด
จริงๆ ผมมองว่าทุกหมวดหมู่ มันเป็นฮีโร่ของมันอยู่ แต่ว่ามันเป็นฮีโร่ตามแต่ละช่วง อย่างปัจจุบันก็ต้องบอกว่าชาเขียวก็จะเป็นฮีโร่ เพราะทุกคนก็ฮิตด้วยกระแสของโลก เมื่อปีก่อนหรือ 2 ปีก่อน ชาวไทยทุกคนก็จะฮิตชาไทย หรือว่าช่วงที่เป็นช่วงโควิด-19 น้ำขิงก็ขายดีมากก็เป็นฮีโร่ หรือก่อนหน้านั้นกลุ่มที่เป็นกลุ่มฮีโร่ ก็จะเป็นกลุ่มพวกลดน้ำหนัก ดีท็อกซ์ต่างๆ แต่ละช่วงเวลาในแต่ละประเทศ ก็จะมีกลุ่มสินค้าฮีโร่ที่แตกต่างกันไป
กลยุทธ์ในการทําธุรกิจของผม เหมือนกับปรัชญาหรือคติพจน์ที่เราวางไว้ คือ Taste the way you are การฟังเสียงลูกค้า คู่ค้าและผู้บริโภค ด้วยความที่ผู้บริโภคเขาเปลี่ยนตลอดเวลา เราเองก็ต้องตามให้ทัน แล้วก็เปลี่ยนให้ทัน หรือต้องคิดไปข้างหน้า กลยุทธ์ของเรา คือการสร้างสิ่งใหม่ๆ การทํารสชาติใหม่ๆ การมองดูเทรนด์ในอนาคต คือ จุดแข็งของเราหรือว่ายุทธศาสตร์ของเรา คือ การพัฒนาสินค้าอย่างไม่หยุดยั้ง อีกกลยุทธ์หนึ่ง คือ การพัฒนาคน เพราะฉะนั้นเราก็จะพูดอะไรค่อนข้างชัดเจน ตรงไปตรงมา แล้วก็มี Accountability คือ ความเชื่อถือได้ รวมถึงเรื่องของธรรมาภิบาลต่างๆ การช่วยเหลือต่างๆ ข้อสุดท้ายแน่นอนเราต้องมีคู่ค้าที่ดี นอกเหนือจากคู่ค้าที่เป็นคู่ค้าเราแล้ว คู่ค้าที่เป็นผู้จัดหาสินค้าต่างๆ ก็ต้องดูแลกัน คู่ค้าที่เป็นสถาบันการเงิน เราก็ต้องดูแล ผมมองว่าการที่เรามีคู่ค้าที่ดี มันจะเหมือนกับเป็นพลังในการค้ำจุนเราให้เราเข้มแข็ง
ทุกธุรกิจมีความยาก แต่อยู่ที่เรามองมันว่ามันยาก หรือว่าเป็นแค่กติกาในธุรกิจของเรา มันมีความยาก ตั้งแต่เรื่องของการทําให้ถูกต้องตามกฎหมาย การควบคุมต้นทุน การสร้างแบรนด์ให้ลูกค้ายอมรับ และยอมที่จะบริโภคของเรา ซื้อของเราในราคาที่อาจจะสูงกว่าของคู่แข่ง ทําอย่างไรให้ลูกค้าเชื่อ ว่าสิ่งที่เราให้คุณค่าที่เรานําเสนอ คือ สิ่งที่มันเหมาะสม แล้วคู่ควรกับราคานั้น มูลค่า คุณค่ามันได้
คนจะเริ่มธุรกิจหรือคนทําธุรกิจ ในทุกช่วงเวลามันยากเสมอ แต่ความยากพอเราอยู่กับมันมานานๆ มันก็จะเป็นเพียงแค่กติกา ที่เราอยู่กับมันแล้ว เราคุ้นชินกับมัน ตลาดบางตลาดมีความยากมาก อันนั้นก็ไม่ได้ อันนี้ก็ไม่ได้ ต้องตรวจห้องปฏิบัติการเยอะแยะมากมาย แต่เพราะเราฝ่าไปได้ แล้วเราตอบโจทย์ได้ เราเหนือกว่าคู่แข่ง เราเหนือกว่าสินค้าอื่นๆ ในตลาด ที่เขามองว่ามันยากไง เขาก็เลยไม่ทํา ความยากของเรา คือ เราจะเอาชนะความกลัวของเราอย่างไร ให้เรากล้าที่เราจะสู้กับมัน
ผมเป็นคนที่ทํางานตั้งแต่เด็ก ชีวิตก็ไม่ได้อะไรมาง่ายๆ ทุกอย่างต้องใช้ความพยายาม ความพยายามนั้นจะสําเร็จได้ก็ต่อเมื่อ เราพยายามไม่หยุด จะเรียกว่ามันเป็นแรงผลักดัน จากความที่เราไม่ยอมแพ้มากกว่า ถ้าเราไม่ยอมแพ้ มันก็จะไม่แพ้ แม้ว่าคุณจะล้มอีกกี่ครั้ง แม้ว่าคุณจะพลาด ก็อย่ามองว่ามันล้ม อย่ามองว่ามันพลาด มองว่ามันเป็นแค่กระบวนการหนึ่ง มันไม่ได้อันนี้ อีกอันหนึ่งมันก็จะได้ มันยังไม่ได้ เดี๋ยวมันก็ได้ เราก็ค่อยๆ ทํา วันนี้มันดีกว่าเมื่อวานนี้ แล้ววันพรุ่งนี้มันจะดีกว่าวันนี้แน่นอน ผมเชื่อว่ามันไปต่อได้เรื่อยๆ ตราบใดที่เรายังมียังมีแรง ถ้าวันนั้นธุรกิจเราไปได้ แล้วมันสร้างคุณค่าได้ดีพอและอยู่ในสังคม แล้วทุกคนเขามีความสุขกับสิ่งที่เราทำได้ เดี๋ยวมันจะยั่งยืนต่อไปเองครับ
คําว่าสิน ก็คือ ทรัพย์สิน เชื่อ คือ เขาเชื่อเรา คือ เครดิต ความไว้ใจ และความเชื่อ การที่คุณมีสินเชื่อหรือมีเครดิตก็แปลว่า มีคนเชื่อคุณ สถาบันการเงินที่เขาให้ คือ เขาเชื่อคุณ เชื่อในอะไร เชื่อในศักยภาพ เชื่อในสิ่งที่คุณพิสูจน์มาแล้ว แล้วมันจะการสะท้อนกลับไปในอนาคต สําหรับผมมองว่ามันเป็นการการันตีแบบหนึ่งด้วยซ้ำไป ดีกว่าไหม ถ้ามีคนเยอะแยะมาเชื่อคุณ และถ้ามีคนเชื่อคุณ แล้วพร้อมที่จะช่วยคุณ
ธนาคารไทยเครดิต เข้าช่วยในช่วงที่บริษัทกําลังจะเปลี่ยนผ่าน ก็ถือว่าเป็นธนาคารที่สําคัญธนาคารหนึ่ง ทําให้บริษัทเราเดินหน้าต่อไปได้แล้วก็มีความเข้มแข็ง ขอบคุณนะครับ ธนาคารไทยเครดิตที่อยู่เคียงข้างผู้ประกอบการ เป็นทางเลือกที่ดีให้ผู้ประกอบการ ที่กล้าที่จะเปลี่ยน หรือกล้าที่จะพัฒนาไปข้างหน้า มันก็ทําให้ธุรกิจของเรา เติบโตได้อย่างยั่งยืนต้องขอขอบคุณจริงๆ ครับ