SME กล้าเปลี่ยน NAcDrone “ต่อยอดธุรกิจ เจาะกลุ่มโดรนเพื่อการเกษตร”

SME กล้าเปลี่ยนครั้งนี้ พบกับคุณอัศวิน โรมประเสริฐ เจ้าของธุรกิจ NAcDrone มาเจาะลึกความกล้ากับการเริ่มธุรกิจที่ใหม่มากสำหรับประเทศไทย ธุรกิจ “โดรนเพื่อการเกษตร” อะไรคือสิ่งที่ทำให้เขากล้า เริ่มต้นธุรกิจใหม่ในช่วงที่ Covid-19 กำลังแพร่ระบาดอย่างหนัก เส้นทางที่กว่าจะมาเป็น NAcDrone ได้อย่างทุกวันนี้ เขาต้องเจอกับบททดสอบอะไรบ้าง เราไปหาคำตอบกันได้ใน SME กล้าเปลี่ยน NAcDrone

กล้าออกจาก Comfort Zone

ตนเองมีความคิดอยู่แล้วว่าต้องการหาธุรกิจเพิ่มเติม จากธุรกิจเดิมที่มีอยู่แล้ว คือธุรกิจป้ายโฆษณา จนมาเจอธุรกิจโดรน ซึ่งเป็นธุรกิจที่ใหม่มาก เราได้ศึกษาข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่วิเคราะห์และพบว่าโดรนเพื่อการเกษตรในประเทศไทยควรจะมีอยู่ที่ประมาณ 80,000 ลำ แต่ในปัจจุบันมีใช้อยู่เพียง 3,500 ลำเท่านั้น จากข้อมูลนี้เรามองเห็นว่าธุรกิจโดรนเพื่อการเกษตรนั้นยังมีช่องว่างทางการตลาดค่อนข้างเยอะ Market Share ทางการตลาดมีจำนวนมาก และตอนนั้นเอง Covid-19 กำลังระบาดอย่างหนัก ธุรกิจเดิมที่ทำอยู่ก่อนหน้านั้นไม่สามารถไปต่อได้ ตนจึงหันมาจับธุรกิจโดรนเพื่อการเกษตร ซึ่งมาการเติบโตขึ้นมากกว่า 400 เปอร์เซ็นต์

 

เปลี่ยนวิถีการเพาะปลูก

การเพาะปลูกในประเทศไทย ส่วนใหญ่มักมีการฉีดพ่นสารเคมี ฉีดพ่นปุ๋ยหรือพ่นฮอร์โมนต่างๆ เป็นเรื่องปกติที่ทำกันมานานแล้ว และโดรนเพื่อการเกษตรก็เหมือนกับการเข้ามาซัพพอร์ตในเรื่องนี้ อย่างแรกโดรนของเราสามารถช่วยลดระยะเวลาในการฉีดพ่นได้เร็วกว่าคนถึง 10 เท่า อย่างที่สองสามารถลดปริมาณสารเคมีที่ใช้ให้น้อยลง เพราะมีความแม่นยำที่มากขึ้นกว่าการใช้คนเดิน อย่างที่สามคือช่วยในเรื่องของสุขภาพผู้ฉีดพ่น เพราะเราไม่ต้องไปสัมผัสกับสารเคมีโดยตรง ไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้ในขณะพ่นแค่คอยบังคับโดรนก็เพียงพอแล้ว

 

พัฒนาต่อเนื่อง

เทคโนโลยีทุกอย่างย่อมมีการพัฒนาตลอดเวลา และเราต้องวิ่งตามให้ทันเทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่เสมอ เรามีการจัดจำหน่ายโดรนเพื่อการเกษตร เมื่อขายออกไปแล้วก็จะเกิดการใช้งานจากผู้ซื้อ หลังจากนั้นเราก็จะได้ข้อมูลจากการใช้งานนี้ไปวิเคราะห์และพัฒนาเพื่อให้เกิดโดรนเพื่อการเกษตรรุ่นใหม่ๆ เรื่อยๆ ในปัจจุบันเราได้มีการพัฒนาให้โดรนของเรามีการวิเคราะห์พืชต่างๆ วิเคราะห์การเจริญเติบโตรวมถึงโรคพืชได้จากการบินระหว่างใช้งาน นั่นก็คือโดรนที่ติดกล้อง Multi Spectrum เป็นผลงานการวิจัยร่วมกันระหว่าง NAcDrone และกรมการข้าว และในอนาคตเราจะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ เพื่อส่งเสริมเกษตรกรให้ใช้เทคโนโลยีมากขึ้น

 

วางเป้าหมายให้ไกล

ตอนนี้ NAcDrone มีศูนย์ตัวแทนจำหน่ายกว่า 60 แห่ง โดยมีเป้าหมายว่าภายใน 3 ปี จะขยายศูนย์ตัวแทนสำหรับให้บริการผู้ใช้โดรนเพื่อการเกษตรประมาณ 500 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดการบริการหลังการขายอย่างทั่วถึง สามารถเข้าถึงลูกค้าใหม่ในโซนที่เราต้องการได้ นอกจากนี้เรายังได้มีการจัดจำหน่ายให้กับประเทศใกล้เคียงอย่างเมียนมาร์ และกัมพูชาร่วมด้วยบ้างแล้ว โดยยอดรวมในปัจจุบันโดรนเพื่อการเกษตรได้มีการจัดจำหน่ายไปแล้วถึง 1,650 ลำ และมีแผนที่จะขยายไปในประเทศอื่นๆ เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย ทำให้เราจะต้องเพิ่มกำลังการผลิตให้มากขึ้นกว่าในปัจจุบัน ทำให้เราต้องการเงินทุนที่มากขึ้นตามไปด้วย โชคดีที่ได้ธนาคารไทยเครดิตฯ มาช่วยซัพพอร์ตธุรกิจ NAcDrone ให้สามารถไปต่อได้ทั้งเรื่องการเงิน และเรื่องแพลนการขยายสาขา